:: แบ่งปันความรู้ ภัยร้ายจาก สารอันตราย โดย คุณอีฟ-วลัยพรรณ รัศมี เจ้าของแบรนด์อีฟส์ กรุ๊ป ::

สวัสดีค่า เมื่อหลายวันก่อน วากับพี่ๆน้อง Blogger และสื่อมวลชน ได้ไปพบป่ะ พูดคุยกับคุณอีฟ วลัยพรรณ รัศมี เจ้าของบริษัท อีฟส์ กรุ้ป จำกัด และเป็นเจ้าของ เพจดัง น้องหมาน่ารัก อย่าง เชอบัว ยูโร มายา มาค่ะ วาก็เพิ่งรู้นะว่า คุณอีฟ สวยมากๆ ผิวดี น่าร๊ากกกก และเป็นเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ อาหารเสริมด้วย

ได้ไปฟังมาว่าคุณอีฟ สนใจในด้านนี้มากๆ เลยศึกษา และเรียนอย่างจริงจัง จนไปถึงการ ซื้อเครื่อง และเปิดเป็น Lab ผลิตเครื่องสำอางเอง จนออกผลิตภัณฑ์แบรนด์ตัวเอง ที่มีลูกค้ามากมายในปัจจุบัน เวลาไปนั่งฟังอะไรแบบลงลึกแบบนี้ รู้สึกดีมากๆ รับรู้ได้เลยว่า คุณอีฟ ดูมีความตั้งใจกับการผลิตสิ่งดีๆให้กับลูกค้าทุกๆคน พร้อมทั้ง ให้ความรู้กับผู้บริโภคตลอด ว่าผลิตภัณฑ์ที่ดี เป็นยังไง สารอันตราย ที่ไม่ควรใช้เป็นยังไง วาก็เลยได้ความรู้มาแบ่งปันกันในวันนี้ค่ะ

วลัยพรรณ รัศมี (ขวา) ซีอีโอ และ ดวงใจ พิจิตอำพล (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีฟส์ กรุ้ป จำกัด

พี่ๆน้องๆ Blogger

เผยภัยร้ายที่มาพร้อมเครื่องสำอาง!!

สาวๆ ทุกคนรักสวยรักงาม ก็เลยต้องมองหาผลิตภัณฑ์และแนวทางในการดูแลสุขภาพผิวพรรณที่ดีที่สุด แต่บางคน ก็ชอบทางลัดที่จะทำให้สวยไว ขาวไว โดยไม่เฉลียวใจสักนิดที่จะตรวจสอบที่มาที่ไปหรือส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ใช้จนเกิดผลร้ายและอันตรายต่อร่างกายตัวเอง หนทางเดียวที่จะทำให้รอดปลอดภัยจากสารอันตรายที่อยู่ในคราบเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ คือความรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสารอันตรายที่ต้องหลีกเลี่ยง

คุณอีฟ วลัยพรรณ รัศมี

คุณอีฟ-วลัยพรรณ รัศมี เจ้าของแบรนด์อีฟส์ กรุ๊ป และกูรูความงาม ได้ไขข้อข้องใจให้สาวๆ ถึงปัญหาสุขภาพผิว รวมถึงเตือนภัยร้ายสารอันตรายที่มาพร้อมเครื่องสำอาง ซึ่งปัจจุบันมีส่วนผสมเพื่อเร่งผิวขาวที่ต้องระมัดระวังและหนีให้ไกล ได้แก่ ปรอท ไฮโดรควิโนน และสเตียรอยด์

สารปรอทเป็นโลหะหนักอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังได้ง่าย เช่นมีอาการร้อนแสบแดง อาจมีผดขึ้นเต็มหน้า แต่สำหรับบางคนที่ไม่มีอาการระคายเคือง เมื่อใช้ไปนานๆ ผิวหน้าจะบางลงจึงไวต่อแสงแดด และทำให้ผิวหน้าคล้ำดำขึ้น อาจเกิดเป็นฝ้าถาวรไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ถึงจะหยุดใช้ครีมที่มีสารปรอทแล้วก็ตาม แต่ภายใน 2 สัปดาห์จะพบว่าสิวเม็ดใหญ่ สิวอักเสบกลับรวมพลังกันผุดขึ้นทั่วใบหน้า หรือแม้จะเปลี่ยนครีมบำรุงตัวใหม่ อิทธิฤทธิ์ของมันก็ยังคงอยู่ โดยสิวใต้ผิวหนังจะค่อยๆขึ้นมาใหม่เรื่อยๆจนกว่าร่างกายจะขับสารปรอทนั้นออกไปได้

ไฮโดรควิโนน ปกติแล้วจะใช้ในการรักษาฝ้าเฉพาะบุคคลตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น แต่กลับมีพ่อค้าแม่ค้าหัวใสนำสรรพคุณของมันมาเป็นจุดขายของครีมเร่งผิวขาว ด้วยการเพิ่มปริมาณและความเข้มข้น เมื่อใช้ติดต่อกันนานกว่า 6 เดือนร่วมกับกรดวิตามินเอ ซึ่งมีผลทำให้ผิวขาวและรักษาฝ้า จึงส่งผลให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเกิดเป็นฝ้าถาวรสีน้ำเงินอมดำหรือหน้าเทาได้ และหากหยุดใช้ครีมที่มีสารไฮโดรควิโนน ฝ้าที่ขึ้นบนใบหน้าอยู่แล้วก็จะดำหนาขึ้น และกลายเป็นฝ้าถาวร ต้องใช้เวลาในการรักษานาน และบางรายอาจรักษาไม่หายขาด



สเตียรอยด์ จะทำให้เกิดสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่ม นูนแดงทั่วใบหน้าหรือบางคนเรียกสิวผด เมื่อใช้ไปนานๆ ผิวหน้าก็จะบางลง จึงรับมลพิษและเชื้อโรคต่างๆได้ง่าย กลายเป็นคนผิวแพ้ง่ายแบบมโนไปเอง ซึ่งความน่ากลัวของส

เตียรอยด์อยู่ที่คนไข้ต้องใช้ยากินหรือฉีดก็ได้ แต่ต้องมีสารสเตียรอยด์เหมือนกันจึงจะ ‘เอาอยู่’ กลายเป็นว่าเราจะติดสเตียรอยด์ตัวใหม่ได้อีก และที่แย่กว่านั้นคือ ต้องใช้เวลานานเป็นปีๆจึงจะหายขาดจากผลข้างเคียงของสเตียรอยด์

คุณอีฟ แนะนำวิธีสังเกตครีมที่มีสารอันตรายปนเปื้อนไว้ว่า นอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือแล้ว ยังจะต้องเป็นคนช่างสังเกต โดยสามารถพิสูจน์ได้ว่าสารอันตรายแต่ละตัวนั้นเป็นอย่างไร สารปรอทในครีม ให้สังเกตสี หากครีมนั้นมีสีครีมเข้มถึงอ่อนๆ และถ้ามองลักษณะเนื้อครีมแล้วเห็นเนื้อครีมไม่นวลเนียน บางส่วนเป็นเม็ดๆขึ้นมาให้เห็น ก็อาจตั้งข้อสังเกตได้ก่อนว่าน่าจะมีสารปรอทอยู่บ้าง เช่นเดียวกับไฮโดรควิโนน ซึ่งมีฤทธิ์ในการหยุดเมลานินใต้ผิวหนัง จึงทำให้ผิวขาวอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นสีเทาในที่สุด โดยสามารถสังเกตได้จากสี ซึ่งครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนจะมีสีครีมถึงสีน้ำตาลเข้มเกิดขึ้นบริเวณรอบขอบกระปุก แต่ถ้าต้องการพิสูจน์ให้ชัดเจนมากขึ้น ให้ตักครีมขึ้นมาเล็กน้อยแล้วนำผงซักฟอกละลายน้ำหยดลงไป หากสีเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ให้สันนิษฐานได้เลยว่ามีสารไฮโดรควิโนนอย่างแน่นอน ส่วนสเตียรอยด์นั้น อาจจะสังเกตได้ยากสักหน่อย ต้องส่งตรวจและทดสอบในห้องแลปจึงจะรู้ผลที่แน่ชัด แต่ถ้ารู้สึกหน้าขาวขึ้นทันทีที่ใช้ หรือสิวหายภายในชั่วข้ามคืน หรือลองนำครีมตัวนั้นมาทาใต้ท้องแขนแล้วนำเทปใสมาแปะไว้หนึ่งคืน เมื่อลอกเทปใสแล้วเห็นว่าบริเวณที่ทาครีมกลายเป็นด่างขาว ก็แสดงว่าในครีมนั้นมีสารสเตียรอยด์เป็นส่วนผสมอยู่

สำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาผิวเพราะใช้ครีมผิดแล้วก็อย่าเพิ่งท้อใจ มาฟังทางแก้ไขอาการข้างเคียงที่เกิดจากสารอันตรายกัน “เราต้องเข้าใจหลักการทำงานของผิว ซึ่งจะมีกระบวนการผลัดผิวทุกๆ 28 วันและมีกลไกในการขับสารพิษอยู่แล้ว สิว ผดผื่น หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ย่อมเกิดขึ้นมากน้อยตามปริมาณสารอันตรายและระยะเวลาที่เราใช้ ยิ่งเป็นสารที่ซึมลึกสู่ผิวมากเท่าไร เซลล์ผิวที่ผลัดขึ้นใหม่ก็จะนำพามันออกมาปรากฏตัวด้วย อีกทั้ง ต้องไม่เพิ่มเติมสารพิษเข้าไปอีก ด้วยการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทันทีที่รู้สึกหรือเกิดผลข้างเคียงนั้น สิ่งที่ต้องทำถัดมา คือ อดทนไว้ ใจเย็นๆ และปล่อยให้ใบหน้าของเราได้พักอย่างจริงจัง โดยไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ใดๆหรือเลือกการรักษาแบบผิดวิธี และไม่แต่งหน้าโดยเด็ดขาด พยายามรักษาความสะอาดของหน้าให้ถูกต้องด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีค่าเป็นกลาง (PH 5.5) หรือถ้าเป็นคนผิวมันอาจเลือกความเป็นด่างมากขึ้น (PH 4.5 – 5.5) และสำหรับคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรอทมาก่อน ก็สามารถนำไข่ขาวมาพอกหน้าเพื่อช่วยดูดซับสารพิษบ้าง หรือใช้เจลว่านหางจระเข้หรืออะโรเวร่าเพื่อช่วยทำให้ใบหน้าชุมชื้นทดแทนการทาครีมได้ และอาจใช้สารละลายสิวเพื่อเข้าไปฆ่าเชื้อโรคสิวที่ผุดขึ้นมาได้บ้าง ทั้งนี้ตลอดการรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อไม่มีผลร้ายย้อนกลับมาทำร้ายเราได้อีก”


สุดท้ายขอฝากคำแนะนำสำหรับผู้ที่ยังไม่โดนสารอันตรายทำร้ายผิว ก็อย่าชะล่าใจกันเพราะอาจมีศัตรูตัวใหม่ที่มีฤทธิ์ร้ายซุกซ่อนอยู่ ทางที่ดีเราควรยึดหลัก “ช้าๆได้พร้าเล่มงาม” ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยควรมีประสิทธิภาพอย่างค่อยเป็นค่อยไป และกระบวนการผลิตต้องมีความน่าเชื่อถือ อย่าปล่อยให้คำโฆษณาชวนเชื่อ เช่น “ขาวไว ทันทีที่ใช้” ยั่วยวนกิเลสจนห้ามใจไม่ไหว เพราะนั่นคือสัญญาณอันตรายที่จะนำพาคุณไปพบกับหายนะในที่สุด




ซึ่งวันนั้นที่ไปนั่งคุยกัน วาก็ได้ผลิตภัณฑ์จากคุณอีฟ มาลอง 2 ตัวด้วยกัน ก็คือ กลูต้า และสบู่ค่ะ ซึ่งกลับมาวาก็กินกลูต้าก่อนเลย เพราะเจ้าของแบรนด์ผิวดีมาก เลยอยากผิวดีบ้าง 555555 ซึ่งราคาก็ไม่แพงมาก อยู่ในหลักร้อยเท่านั้นเอง ใครที่สนใจ ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Facebook Fanpage นะคะ